วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

เรื่อง การเปิดบริษัท ในฟินแลนด์ 3 โดย ป้าลี ฟินแลนด์



อ่ะต่อๆ 

หลักสูตรที่ไปอบรมนี้ กินเวลา 6 สัปดาห์นะคะ

มีการเรียนออนไลน์ค่ะ  เข้าคลาสเพื่อคุยกับที่ปรึกษาที่สอนเราแค่ สัปดาห์ละ  1-2 วัน ต่อวีคค่ะ ที่เหลือเรียนที่บ้านออนไลน์ค่ะ ตามตารางแบบนี้นะคะ


ส่วนโปรแกรมตลอดหลักสูตรที่ต้องทำตอนเรียนคือ กระดาษใบนี้ใบเดียวค่ะ


สรุป

ตลอด 6 สัปดาห์ที่ผ่านการอบรมนี้ คือ เค้าสอน ตั้งแต่คิดว่า จะเริ่มกับธุรกิจอะไรดี  มีคู่แข่งใครบ้าง ต้นทุนเท่าไหร่ เรื่องบัญชี เรื่องภาษี และ วางแผนควบคุ่กับ สำนักงานที่ปรึกษาของจังหวัดใกล้บ้าน ของป้าลีไป วานต้า เจ้าหน้าที่ สุดยอดมาก ให้บริการแบบเปลี่ยนชีวิตป้าลีไปเลย  คือ ให้ข้อมูล  วิธีการ  และ แนะนำการกู้เงินโดยผ่านสำนักงานเป็นคนควบคุม(แปลว่า ไม่ได้ไปหาธนาคารแค่มือเปล่าๆ) 
รวมไปถึง ของป้าลี ชัดเจนอยู่แล้วเรื่อง ตกแต่งภายในบ้านเก่าเอามารื้อใหม่ ขายออกไป  ทำแบบนี้ค่ะ วนไป...

วิวจากที่อบรมค่ะ.. สวยเน๊อะ  อยู่ในเมือง เฮลซิงกิเลยค่ะ หน้าสถานีรถไฟ 






และนี่คือ ลิ้งค์ ตัวอย่าง การพรีเซ็นต์ ไอเดีย ว่าบริษัทป้าลีทำอะไร และ เสนอแผนงานแบบใหน ตามลิ้งค์ค่ะ... 

ตัวอย่าง การเสนอ แผนงาน ในการเปิดบริษัท ที่ ฟินแลนด์

http://liirenovate.blogspot.fi/2018/03/lii-renovate-oy-for-presentation-1532018.html

http://liirenovate.blogspot.fi/2018/03/lii-renovate-oy-for-presentation-1532018.html




เรื่อง การเปิดบริษัท ในฟินแลนด์ 2 โดย ป้าลี ฟินแลนด์

ต่อเลยนะคะ

คือ คลาสที่ไปอบรมนี้ ชื่อว่า Business Start Up  เป็นหลักสูตรของ สำนักงานแรงงาน ที่เค้าส่งให้ป้าลีนะคะ (คือเค้าก็ส่งมาให้ หลายสิบลิ้งค์ที่มีการเปิดให้เข้าอบรมได้ ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งป้าลีเลือกอันนี้เพราะว่า มันเป็นภาษาอังกฤษค่ะ และเตเอยังจ่ายอยุ่ค่ะ... แปลกใจใช่มั๊ยคะ)

เมื่อสมัครตามที่เค้าให้ลิ้งค์มาแล้ว เคส ป้าลีก็เป็นตามนี้นะคะ... (พูดในเคสตัวเอง ใครจะเอาไปประยุกต์ใช้ ขอให้ทราบว่า คุณต้องปรับให้เหมาะสมกับเคสตัวเองเวลาที่เจรจากับ เตเอ.. )

เกริ่นที่มาก่อน.. นะคะ เผื่อใครเจอปัญหาและหาทางเดินไม่เป็น ดูเคสแบบนี้เป็นตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ปัญหาชีวิตคุณเอง (ขอให้อ่านคร่าวๆ ค่ะ ถ้าจำเป็นสำหรับคุณค่อยกลับมาอ่านใหม่)


2012 ป้าลีเรียนภาษาฟินน์ 4 เดือน เค้าจ่าย เดือนละ 800  เรียนแค่เทอมเดียว แล้วโดดออกไปเรียน วิชาชีพระยะสั้นคือ ทำความสะอาดและดูแลบ้าน จนถึงสิ้นปี (ชอบมากกับสาขานี้ )

2013 ม.ค. ถูกตัดเงิน เพราะเปลี่ยนวีซ่าเป็น วีซ่านักเรียน... งดการเรียนภาษาฟินน์ ตลอดปี

2014 กลับไปเรียน ภาษาฟินน์เพราะเตเอ โทรบอกให้เข้าคลาสเรียน และไปเรียน 2 อาทิตย์ ส่งไปฝึกงาน..
ก็ฝึกงาน 6 อาทิตย์ ขอลาออก เนื่องจากว่า ไม่ช่วยให้ภาษาฟินน์ดีขึ้น เพราะมันไม่ได้เรียน  ถูกตัดเงินอีกทันที เพราะลาออกจาก คลาสที่เค้ากำหนดให้

2015 ม.ค. เข้าเรียน MAVA (รุ่นสุดท้าย) เป็นหลักสูตรภาษาฟินน์สำหรับช่าง ของ Stadin ammattiopisto  กินเงินนักเรียนของเกล่า 225 + ค่าเดินทาง+สวัสดิการนักเรียนบางอย่าง  + อาหารกลางวันฟรี เพราะเป็น โรงเรียน อัมมัตติ

2016 ม.ค. เข้าเรียน ช่างก่อสร้าง ที่ Stadin นี่แหละ สอบเข้าไมไ่ด้หรอก แต่ว่า เป็นศิษย์เก่า เค้าก็จับยัดอัมมัตติในโรงเรียนตัวเอง (ตรงนี้สำคัญที่สุด เพื่อเลี่ยงการสอบไม่ได้ คุณต้องทำแบบเดียวกับป้าลีนี่แหละ คือ เอาตัวเข้าไปอยู่ในวงการ ครูจะจับยึดเอง แม้ภาษาฟินน์จะไม่แข็งแรง)  ตรงนี้เตเอ ต่อสัญญากินเงินว่างงาน 800 ให้ใหม่ เป็นเวลา 24 เดือน (2016+2017 ตลอดปี)

2017 ธ.ค. เรียนจบ หลักสูตร และถูกตัดเงิน เพราะสัญญาหมด ตามที่เค้าให้มา 24 เดือน และเป็นการเรียนจบ อัมมัตติ ก็คือจะไม่ได้กินเงินว่างงานอีกต่อไป

2018  ม.ค. รายงานเตเอ ว่าจบแล้ว ต้องการขอเปิดบริษัท ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้  เค้าต่อสัญญาและส่งลิ้งค์ให้เข้าอบรม ตามที่เล่าข้างบน  ตอนนี้ กลับมากินเงิน ว่างงาน 800 ใหม่ เตเอต่อสัญญาให้ 3 ครั้ง คือ
      ครั้งแรก เดือน ม.ค.
      ครั้งที่สอง เดือน ก.พ.ถึง มี.ค.  ให้เงินต่อ เพราะถือว่า เคสอยู่ในการเรียนต่อเนื่อง
      ครั้งที่ สาม เตเอ โทรมาต่อสัญญาให้อีก 4 เดือน อ้างว่า เราเรียนจบหลักสูตรเปิดบริษัทและอยู่ในช่วงดำเนินการขอเปิดบริษัท ณ ตอนนี้ เงินเรียนถูกปรับให้จนถึง เดือน ก.ค. 2018

2018  ก.พ. เข้าเรียนต่อ ช่างไม้ เพราะศึกษางานทำบิ้วอิน และงานไม้ที่จะตกแต่งภายในบ้านทุกรุปแบบ  การเรียนวิชาชีพ สาขาที่ 2 ไม่ต้องสอบเข้า แค่เดินไปบอก ครุแนะแนวว่าขอเรียนต่อ สาขานี้ และเป็นศิษย์เก่าแล้ว แค่เรียนคนละ ตึก
นี่คือตัวอย่าง ที่จะทำบิ้วอินในห้องนอนจากแบบที่หามาจากกูเกิ้ล ขอบคุณเจ้าของไอเดียค่ะ 

ดังนั้น... แผนที่วางไว้คือ...เรียนจบช่างไม้ เทอมแรก ก็ขอเปิดบริษัทช่วงหน้าร้อน

ถ้าเปิดบริษัท สนง.เตเอ จ่ายเงินสนับสนุน (เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้มากกว่าเงิน 800 อันนี้ไม่ทราบค่ะ เค้าแค่พูดทางโทรศัพธ์ หลัง ก.ค. จะมาอัพเดท ให้ค่ะ ว่าได้จริงๆ เท่าไหร่กับบริษัทตกแต่งภายในแบบนี้)


ขอต่อภาค 3 ค่ะ... ขอป้าเบรค กินกาแฟ นิด (ปวดหลังและปวดตาตอนพิมพ์)




วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

เรื่อง การเปิดบริษัท ในฟินแลนด์ โดย ป้าลี ฟินแลนด์



ช่วงนี้ เรียนจบ ก่อสร้างแล้ว ไปอบรมเรื่องเปิดบริษัทของตัวเอง นะคะ
ภายใต้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายค่ะ

พึ่งอบรมเสร็จวัน ศ ที่ 16.3.2018 ที่ผ่านมานี้ค่ะ

ตรงนี้เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับใครที่อยากมาอยุ่ฟินแลนด์ แล้วมองเรื่องทำธุรกิจส่วนตัว


ป้าลีเอง ต้องการเป็นตัวแทน เล่าเรื่องราวๆ ต่างๆ ด้านนี้ เพราะ การใช้ชีวิตที่ฟินแลนด์
หลายท่านก็ต้องการมีทางเลือกให้ตัวเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระที่นี่ ไม่ใช่แค่ เรียนจบ แล้วหางานทำ

ดังนั้น ตรงนี้อยากแชร์ให้ทราบนะคะ ไม่ใช่มาอวด  เดี๋ยว อ่านไม่เข้าใจ กลายเป็น ดราม่า เหมือน เคส
เมียฝรั่ง จบ ป.ตรี ฯ บลาๆ ไรนั่นอีก (อันที่จริงเค้าก็พูดถูกนะคะ เรื่องอาชีพของเมียฝรั่ง ที่มีผลต่อภาพพจน์ของสามี แต่ไปตีความอะไรกันก็ไม่รุ้ หาว่าเค้าดูถูกอาชีพ อีกแหละ เฮ้อ)

อ่ะ กลับมาเรื่องของเรา....

การอบรมก็กินเวลา แค่ 6 สัปดาห์ค่ะ (ประทับใจมากด้วย)
เอาไว้มาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ

ตอนนี้ แค่มาเกริ่น.. เพราะก็ไม่แน่ใจว่ามีคนอยากอ่านหรือเปล่า... เพราะไม่ได้เอาไปลงที่ยูธูป (หรือว่า ไปทำที่ยูธูปดีคะ??? ... )

อ่ะ ถ้าที่ยูธูปก็ ตามลิ้งค์ นี้แล้วกัน กำลังพยายามทำคลิปค่ะ และต้องการลงโฆษณา ซึ่ง ถ้ายอดเปิดดูไม่ครบ ตามกำหนด มันก็ลงโฆษณาไม่ได้  ก็ขอให้เพื่อนๆ เป็นกำลังเปิดดูให้หน่อยก็แล้วกัน

จะได้มียอดการดูถึงและป้าลีจะได้อัพเดท เรื่องราว ที่มีสาระต่อๆ ไป

https://www.youtube.com/channel/UCb6O-p3V9zVwq5Vj1NyB-Rg

และระหว่าง ที่รอเปิดบริษัทอยู่นี้ มีรายได้จากรัฐยังไงบ้าง
เปิดบริษัทแล้ว ได้รายได้จากรัฐสนับสนุนแบบใหนบ้าง
การอบรมสอนอะไรบ้าง ได้อะไรบ้างจากการอบรม
ช่วงรอเปิดบริษัท จะไปเรียนต่อ อัมมัตติสาขาอื่น เหมือนป้าลี ทำได้อย่างไรบ้าง

คือเยอะนะ ว่าไปแล้ว ที่มีสาระ... (ปกติก็เป็นคนมีสาระนะเออ)

แล้วเจอกันค่ะ...  (ถ้าเขียนเสร็จแล้วจะ ลงลิ้งค์ไว้ด้านล่าง ตรงนี้นะคะ )



วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การล้างรถแบบ หยอดเหรียญ ของคนในเมือง ประเทศ ฟินแลนด์(ปัญหา)




วันนี้เล่าถึงอีกหนึ่งปัญหาของคนมีรถ (ปัญหาเยอะนะคนมีรถของฟินแลนด์)
เนื่องจากว่า ป้าลีย้ายบ้านเข้ามาอยู่ในเมือง จังหวัด วานต้า Vantaa เพราะว่าบ้านหลังเก่าปล่อยให้คนเช่าเนื่องจากว่าลูกสาวต้องนั่งรถเมล์ไปเรียนในตัวเมืองเฮลซิงกิ
ซึ่งอยู่เกือบใจกลางเมือง (ทำใมไม่เรียนแถวบ้านเพราะฟินแลนด์ระบบการศึกษาดีมากอยู่แล้ว ลองเข้าหาอ่านดูนะคะ ในหมวดเรื่องการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ ที่ป้าลีเคยลงในบล็อคไว้แล้ว)

ทีนี้ บ้านที่ย้ายมาอยู่ในวานต้าเนี่ย คือบ้านทาวเฮ้าส์ค่ะ  ต้องเช่าที่จอดรถร่วมกันกับเพื่อนบ้าน... ซึ่งคนในเมือง เค้ามีกฏห้ามล้างรถนะคะ (หลายท่านอาจไม่ทราบ เพราะว่าเคยเห็นเพื่อนบ้านแอบทำกัน นึกว่าทำได้ไม่ผิดกฏ
อันนั้นไม่ใช่นะคะ ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง เผื่อคุณจะแอบล้างบ้าง จะได้รู้ว่า ต้องแอบยังไง)

เมื่อล้างรถไม่ได้ ก็ต้องไปหาที่ล้างค่ะ ซึ่งมันก็มีร้านล้างรถทั่วไป ถ้าแบบล้างมือทั่วไป ก็เกือบ 100 ยูโรแหละนะคะ อันนั้นป้าลีขอผ่านค่ะ ไม่มีเงินขนาดนั้น

หรือ ล้างด้วยเครื่องอัตโนมัติ ก็ราวๆ 30 ยูโร ต่อครั้ง (แบบที่ขับเข้าไปจอดแล้วนั่งรอเครื่องเอาแปลงใหญ่ๆ มาปัดรถทั้งคันแหละ ) 
อันนี้ก็ไม่ปลื้มค่ะ เพราะรถเป็นรอย... ซึ่งป้าลีจะไม่ทราบว่า ที่ใหน เครื่องใหนมันเก่าและทำรถเป็นรอย หรือที่ใหนเครื่องใหม่และดี... จะไม่รู้จนกว่ามันเกิดรอย นั่นแหละ... 
แล้ว 30 ยูโร โดยประมาณ  ก็ยังแพงอยุ่ดี สำหรับการต้องล้างหนึ่งครั้ง

ก็เลยมาลงเอยที่ การล้างเองแบบหยอดเหรียญ  แต่ต้องขับไปล้าง ที่ๆ เค้าให้ล้าง ซึ่งจะมีหัวแปลง มีน้ำ แต่เราต้องลงมือทำเอง....
อยู่ในงบค่ะ  หยอดทีละ 2 ยูโร หรือ 1 ยูโร หรือ 50 เซ็นต์ เครื่องก็รับนะคะ  รวมแล้ว 5 ยูโรค่ะ... เค ดีงาม  งบผ่าน สามารถมาล้างได้ เดือนละ ครั้ง อิอิ
(ใครจะล้างทุกอาทิตย์ก็จัดไป แต่เราขี้เกียจ นี่ก็เป็นการล้างครั้งแรก ในเกือบ 1 ปีของการซื้อรถคันนี้ก็ว่าได้)



เห็นหัวแปลงที่ขัดกับสายลากที่ห้อยๆ อยู่ข้างบนนะคะ

(คันนี้บ่ใช่ของข่อยเด้อ ของคนขับรถที่บ้าน)


เวลาหยอดเหรียญ มันน้ำมันจะพุ่งจากหัวฉีดทันที ดังนั้นต้องถือไว้ในมือเลย 
สายมันก็ปรับได้ค่ะ หมุนไปตามที่เราเดิน

และ มีขั้นตอน ตามป้ายนนะคะ ว่าเราจะเลือกน้ำ + น้ำยา ล้าง หรือ น้ำอย่างเดียว
(ป้าลีเอาถังน้ำไปด้วยค่ะ เพื่อ เราจะได้ ล้างมือแบบเร็วๆ แล้วเอาน้ำฉีดไปเลย ง่ายๆ และสะดวก ไม่เป็นรอยแต่อย่างใด)




คุณๆ ก็ต้องหาเอาสาขาใกล้ๆบ้าน โดยมากจะอยู่ตามห้างค่ะ ตรงที่จอดรถในห้าง



พอล้างเสร็จก็จะได้สภาพนี้ค่ะ.... เซ็ง... บางทีฟ้าดินก็ไม่เคยเป็นใจ (หิมะแรกของปีนี้ค่ะ 2017)

ส่งภาพขาย ออนไลน์ ตามเว็บต่างๆ




ไม่ใหม่สำหรับพวกเราเน๊อะ  แต่ว่าสำหรับป้าลีก็ไกลตัวนิดหน่อยค่ะ เพราะว่าเคยหาข้อมูลแบบผ่านตาเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่เริ่มเขียนบล็อคใหม่ๆ แต่ตอนนั้น มันมีความยากหลายอย่างมาก

เช่น ต้องส่งภาพสอบ ต้องแต่งภาพ ต้อง.... ต้อง.... ต้อง... คือ อีกหลายต้อง... ซึ่งข้อจำกัดเราก็มีตรงที่ เราเองไม่ใช่คนแต่งภาพสวย แต่สายเที่ยวขาเลาะ

 แต่สองอาทิตย์ก่อนเพื่อนสนิทสาวคนหนึ่งบอกว่า เธอน่าจะลองส่งภาพขายบ้างนะ เห็นเค้าว่าได้เป็นแสนต่อเดือน...

คือ ส่วนตัวเราบอกว่า จะเป็นแสนเป็นล้าน มันไม่ใช่ประเด็น เพราะว่า ภาพของเราอาจไม่เหมือนภาพของเค้าก็ได้

 แต่ที่ใช่ประเด็นคือ  ป้าลีชอบเที่ยว ชอบทำกิจกรรม แล้วชอบถ่ายรูป ซึ่งพอเพื่อนพูดก็ลองมาดูอีกรอบว่า
มันจะยากเหมือนเมื่อก่อนที่เราเคยศึกษาหรือเปล่านะ

 ก็ลองส่งภาพไปสอบดู ซึ่ง (สมัยก่อน ส่ง 10 ต้อง ผ่าน 7) ซึ่งป้าลีส่งไป แค่ 3 ภาพ มันก็ผ่าน 1 ภาพละ ซึ่งก็ถือว่าผ่าน ก็เลยได้เริ่มลองผิดลองถูกกับการขายภาพ

และภาพที่ผ่าน ก็ออกแนวบ้าๆ บอๆ นะคะ
(คือต้องเข้าใจว่า เราต้องส่งหลายแนว ไอ้ที่เราคิดว่าสวย มันอาจไม่สวยก็ได้)  ที่ผ่านคือภาพนี้ค่ะ




 แรกๆ ไม่หลับไม่นอน นั่งอ่านนั่งศึกษาแบบข้ามคืนข้ามวัน เพราะเรื่องมันเยอะนะคะ ไม่ใช่แค่มีภาพแล้วส่งๆ เข้าไปขาย ว่ามะ

 ก็ลองส่งภาพเข้าไปให้ทางเว็บตรวจสอบ ซึ่งก็ส่งอยู่หลายเว็บ ตามที่เทพๆ ทั้งหลายเค้าแนะนำกัน 
แต่การส่งของป้าลีคือ ส่งแบบดิบๆ กับภาพที่มี  หรือ แต่งบ้าง จาก Photoscape ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีอ่ะนะ
ไม่ได้ไปหาโปรแกรมแบบเสียเงินจากใหนหรอก 

 ในสองสัปดาห์แรก ก็มีภาพที่ผ่านคุณภาพ เกือบๆ 180 ในเว็บอันดับแรก 
ส่งอยู่เกิน 300 ภาพ(เค้ายอมรับคุณภาพแล้วยอมให้ออนไลน์ขายในเว็บเค้า ที่ 180 ภาพ)

ซึ่งลิ้งค์นี้คือภาพที่ออนไลน์อยู่ในเว็บ ของ Shutterstock ค่ะ
(ลองดูนะคะ ว่าภาพไม่ได้มีความเทพแต่อย่างใด สำหรับคนใหม่ๆ ด้วยกันจะได้มีกำลังใจนะคะ ว่า
การขายภาพมันไม่จำเป็นต้องมีภาพสวยอย่างเดียวนะ มันอาจมีไอเดียในภาพ หรือ ภาพบ้าๆบอๆ แต่มันอาจเข้าตากรรมการก็ได้)


 https://www.shutterstock.com/g/lee+jay?sort=popular&search_source=base_gallery&language=en&page=2


และแล้วก็มีภาพถูกขายไป ภาพแรก... หลังจากที่เริ่มส่งได้แค่ 10 วันแรก คือภาพนี้


มันคือ ดอกของ วานิลลา ที่เเค้าปลูกในฟาร์มน่ะค่ะ ถามว่ามันคือภาพดอกไม้สวย ... คือ ความสวยมันคงไม่ใช่

เพราะว่าดอกไม้ที่เค้าส่งภาพขายกันในเน็ต จากพี่เทพทั้งหลาย  สวยกว่านี้เยอะ แต่เข้าใจว่า คนที่ซื้อเพราะต้องการดอกของวานิลลา มากกว่า



และแล้ว งานยากมันก็เริ่ม ตรงที่มีการโหลดซื้อเป็นขวัญถุงนี่แหละค่ะ ทำให้หลายๆ อย่างตามมาคือ



เราคงจะส่งภาพแบบดิบๆ ไม่ได้แล้ว ต้องมองหาโปรแกรมการแต่งภาพ... แหงละ โฟโต้ช้อป เริ่ดสุด แต่แพงสุดเช่นกัน...

งั้นเรามองอย่างอื่น... ก็มาลงที่ Lightroom เอ... ทำไปทำมา มันไม่พอนะ ต้องมีโฟโต้ช้อปตบท้ายอยู่ดี  ก็มาเจอเพคเกจของ Adobe เดือนละ 10 บัคส์ หรือ 300 กว่าๆ บาท ราคาต่อเดือน (สัญญาหนึ่งปี)

แต่มันได้ 2 โปรแกรม โอ้แม่เจ้า.... มันดีเลิศประเสิรฐเรียม)



เค... นั่งงมกับมันดูสิ .... ก่อนที่จะส่งภาพลงพอร์ตมากขึ้น เราต้องพร้อมมากขึ้นละ...



ก้าวต่อไป... มาเดินด้วยกันค่ะ... เป็นกำลังใจกับ เพื่อนๆ ที่จะมาส่งภาพด้วยกันนะคะ เรียนรู้พร้อมๆ กันค่ะ


...ป้าลี

วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แคนนาดี้ สเปซ หรือ นาซ่า ฟลอริด้า ที่ฉันใฝ่ฝันจะไป





(เคยพิมพ์ครั้งหนึ่งแล้ว ใส่รูปเป็นชั่วโมง แต่เครื่องแฮ้งค์ซะงั้น เลยยกยอดยาวมาลงวันนี้แหละค่ะ)

ต้องบอกก่อนว่า ป้าลีคลั่งที่นี่มากกว่าดิสนี่ย์ เวิร์ด ที่ใครใครก็พูดถึง
เพราะว่านอกจากสนุกแล้วที่นี่มีความรู้ สามารถใช้เวลาทุกนาทีเพลินไปได้ และหนึ่งวันที่นี่ ไม่พอสำหรับป้าลี



 และทริปนี้ที่ไปที่นี่เพราะเราจองตั๋ว ดูการปล่อยกระสวยขึ้นอวกาศ
เราจองแท่นที่ใกล้สุดและเห็นชัดสุดค่ะ(หลายคนบอกว่า อันตราย)



มาถึงปุ๊บก็เดินเข้าไปในนี้ค่ะ หลังป้ายนี้ ถ้าคิวมันว่างอยู่ให้รีบไปเลย ก่อนที่ทัวร์จีนจะลง
ควรจะไปแต่เช้าๆเลยค่ะ เพราะว่าคนไม่เยอะทำให้เรามีเวลาเล่นในแคนนาดี้เยอะหน่อย 
บรรยากาศข้างในหลังป้ายนี้ตอนแรกก็จะเข้าไปยืนฟังคำบรรยายพัฒนาการด้านการทำงานของเค้ากับมนุษยชาติ ราวๆ ห้านาที
แล้วประตูก็จะเปิดอีกด้านให้เราเดินไปหามุมเหมาะๆ ตรงระเบียง ที่เห็นนะคะ ตามภาพ
ตอนแรกนึกว่าไม่มีอะไร แต่ตอนที่ ภาพโชว์เหมือนจริงทำให้เวียนหัวนิดหน่อย จากแสงด้วย
และเป็นการยืนไม่ใช่นั่ง ดังนั้นต้องหาที่เกาะนะคะ (หนุ่มสาวอาจจะไม่เป็นปัญหาเหมือนป้าลี)




เสร็จากตรงนี้ ก็จะบังคับเดินเข้าไปในพื้นที่ที่เค้าจัดไว้ เป็นเหมือนมิวเซี่ยมค่ะ
เดินชมนาซ่ากันไปย้อนรอยไปในอดีตสู่ปัจจุบัน

กับฮีโร่ต่างๆ ที่มาจากหลากหลายสายอาชีพที่พรีชีพเพื่อโลกของเรา 
แต่ละคนก็เก่งระดับโลกทั้งนั้น ที่เกิดมาเพื่อถูกสร้างเพื่อให้พรีชีพ น่าศรัทธาเป็นที่สุด


บรรยากาศในนั้นสำหรับป้าลีแล้ว ก็ชอบค่ะ ไม่ตื่นเต้นเหมือนโซนอื่นแต่ว่า
ได้เห็นวิวัฒนาการและกลุ่มฮีโร่ที่จากเราไปแล้ว ทำให้รู้สึกอินไปกับบรรยากาศตรงนี้


















โผล่ออกมา ปวดตามากกับแสงที่ปรับไม่ทัน  เราต้องดูตารางเวลาที่เค้ามีการแสดงในแต่ละรอบนะคะ
 เพื่อจะได้จัดการถูกว่าจากตรงนี้แล้วเดินไปใหนต่อ 
ตารางเวลาจะอยุ่หน้าจอตรงกลางๆ โซนเลยค่ะ มีหลายมุม เหมือนหน้าจอทีวีที่แขวนอยู่บนหลังคาหน้าเกทเข้าเครื่องบินหรือในสนามบินน่ะค่ะ









ด้านนี้เป็นอีกหนึ่งอาคารที่เราเดินเข้าไปสู่จักรวาลในดาวดวงอื่น







มีเกมส์ให้เล่นนะคะ และมุมถ่ายรูปด้วยค่ะ  เห็นนางปล้ำอยุ่ตั้งนาน ได้รูปนี้มาที่อีเมล์แม่








ห้องนี้ ลูกสาวชอบมาก เพราะมีบรรยายสำหรับเด็กๆ
ซึ่งตอนจบเป็นวีดิโอที่มีเด็กวัย 10 ขวบโดยประมาณจากทั่วมุมโลกใฝ่ฝันจะเป็นนักบินอวกาศ
ขึ้นบินจำลองในวิดิโอชุดนั้น ลูกสาวใฝ่ฝันอยากเป็นบ้าง
ทุกวันนี้ตั้งใจเรียนให้เก่งเพื่อจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานคล้ายๆ กับนาซ่านี่แหละค่ะ

ยรรยากาศในโซนนี้ก็ประมาณนี้ค่ะ แล้วเราก็วิ่งไปต่อโซนอื่น ตามเวลาที่เราจัดเอาไว้แล้วเพื่อให้ทันดูโชว์

แคนนาดี้ สเปซ ตอน Atlantis... ความประทับใจที่โลกเล่าไว้..จนป้าลีต้องไปเห็นกับตา













Atlantis คงไม่ใหม่สำหรับเราๆท่านๆ เพราะเรียนกันในตำรามาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ  และเป็นที่วิภาควิจารย์ว่า ฝรั่งแหกตามั่งล่ะ ไรงี้
แต่ก็นะ เอาเป็นว่า สายบรรเทิงไม่เกี่ยงค่ะ แต่ความรู้ดีๆ และความตื่นตาตื่นใจยังอยุ่เต็มกับที่นี่ .... แอตแลนติส ที่ที่ๆ คนล่ำลือว่าเริ่ดสุดๆ ไปดูกันค่ะ... ว่าทำใม



อย่างที่แจ้งให้ทราบนะคะว่า ตารางเวลาการฉายเค้ามีกำหนดไว้แล้ว ให้เราจัดตารางเดินชมโซนต่างๆ แล้วกลับมาชมการแสดงค่ะ  เดินไปนั่งข้างหน้าได้เลย
อยากยืนไปด้านหลังหรือด้านข้าง  กลุ่มแรกจะเดินไปนั่งที่พื้นด้านหน้าจอ แล้วมีทัวร์จีนตามระเบียบ นะคะ มาทีหลังแซงเข้าไปยืนเต็มหน้าจอ พวกนั่งอยู่ ราวๆ 50 คนรวมเด็กเล็กเด็กโต มีปัญหาทันที 
(บอยคนหนึ่ง เดินไปดันๆ กลุ่มจีนเหล่านั้นให้ก้าวออกจากหน้าจอ... .. ไม่ขอบ่นละกัน เพราะเที่ยวบ่อยเจอบ่อยได้พวกนี้ เสียบรรยากาศหมด...ป้าลีคนแรกที่ปรบมือให้บอยคนนั้น คนอื่นๆ ทำตามทันทีค่ะ)

การฉายวิดีโอชุดนี้ เป็นลักษณะรอบ  เกือบ 180 องศานะคะ คือฉายไปถึงด้านบนหลังคา ไรงี้.. (ไม่เชี่ยวชาญนะคะ พิมพ์จากความรุ้สึกจริงที่อยู่ตรงนั้นค่ะ) 

คือ ใครที่ไม่ทราบว่าการแสดงชุดนี้เค้าเด่นดังมาก ป้าลีเกริ่นนิดๆ ค่ะ  แอตแลนติส เป็นยานอวกาศที่ไปนอกโลกแล้วกลับเข้ามาในโลกได้สำเร็จ
ซึ่งการแสดงชุดนี้คือ เล่าถึงการทำงานของตัวยานอวกาศน่ะค่ะ  ว่าทำขึ้นมาจาก 3 ส่วน เพื่อการละทิ้งในเรื่องของน้ำหนัก
และทีป้าลีสนใจสุดๆ คือ ขาลงนั้น ตามที่วิดีโอเล่าคือ
ระหว่างชั้นบรรยากาศนอกโลกนั้น จะเข้ามาในโลก อุณภูมิมันไม่เท่ากัน
ดังนั้นตัวยานจะต้องสร้างมาป้องกันแรงกดดัน แรงความร้อนและอื่นๆ ที่แปลไม่ทัน... (ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นเขียนเอาไว้แล้วเช่นกัน ป้าลีสายบรรเทิงนะคะ เล่าตามนี้ค่ะ)

เดี๋ยวพาไปดูตัวยานค่ะ ว่าป้องกันความร้อนระดับเผาได้ทุกอย่างนั้น
เค้าทำมาจากอะไรและทำใม คนที่อยู่ในยาน แอตแลนติส กลับเข้ามาในโลกได้อย่างปลอดภัย 

อีกทั้ง ขาลงมา ตัวยานไม่มีได้มีเครื่องยนตร์นะคะ ต้องร่อนลงด้วยระบบคลาสสิคค่ะ
เพราะว่ารักษาน้ำหนักไม่ได้ ถูกแรงดึงดูดของโลก ดึงลงแรงจนโม่งโลก...

และตอนจบ..ประทับใจสุดๆ ค่ะ ห้ามกระพริบตา








ยานลำนี้ สร้างเมื่อในอดีต ที่วิวัฒนาการด้านวัสดุยังไม่เจิรญเท่าทุกวันนี้...
ตัวลำใช้ระดับป้องกันความร้อน ด้วย แผ่นเซรามิค ซึ่งหนักมากๆๆๆๆๆๆ 
ดังนั้น ตอนขาลง นักบินต้องใช้วิธีร่อนลงแบบคลาสสิค เพราะไม่มีเครื่องยนตร์...
เดาไม่ออกจริงๆค่ะว่า เค้าร่อนลงได้ไง ด้วยน้ำหนักแบบนั้น..








ความยิ่งใหญ่อลังการณ์ของที่นี่ คือเห็นตัวเองเล็กนิดเดียวเองค่ะ และมีพื้นที่ให้เด็กๆได้เล่นสนุกสนานค่ะ
มีทั้งการขึ้นบินกับระบบจำลองด้วยค่ะ ตื่นเต้นอีก แต่ไม่เท่า ดิสนี่ย์ เวิร์ด แน่ๆ
แล้วค่อยไปเล่าเครื่องเล่นที่นั่นเน๊อะ ตอนนี้เอาตรงนี้ก่อน



นางมุดเข้าไปในนี้ แล้วกลับมาเล่าให้แม่ฟังว่า

"แม่จ๋า ตอนแรกหนูก็คลานๆ ตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไป... กำลังดูรอบข้างเพลินๆ ก็ได้ยินเสียง เด็กคนหน้า กรี๊ดๆ 
ทุกคนที่คลานๆ ตามมา ก็ตกใจ แล้วก้มลงมองดูว่าที่นางกรี๊ดอะไร.... 
พอเห็นเท่านั้นแหละ หนูกรี๊ดดังกว่านางอีก... 
มีเด็กผุ้ชายตามหลังมา ตะโกนบอกว่า Keep forward keep forward,I don't wanna die here... Gooooooooooo .....
หนูก็เอามือดัน เด็กคนหน้าให้ขยับไป  แต่นางตอบว่า

my legs won't move.... Hel....help me....   หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะหนูก็กลัว ไม่งั้นไม่กรี๊ดดังกว่านางแน่...
คนข้างหลังก็เอาแต่ตะโกนอยู่นั่นแหละ   หนูเลยบอกเด็กข้างหน้าว่า 
เธอหลับตาๆ แล้วคลานเร็วๆ ออกไปเลย เชื่อชั้น....

แม่รู้มั๊ยว่าทำใม พวกเรากลัว....  ก็พื้นที่เราคลานตรงนั้น มันเป็นกระจกน่ะสิ
ตอนแรกไม่รู้ เพราะมัวแต่ดูข้างๆ  มาถึงตรงกระจกก็กลับไม่ได้แล้ว..
ต้อง คลานต่อไปนี่แหละ... แม่ลองไปดูสิ ....

เอ่อ... อีแม่... เห็นละ ว่ามันสูงมาก เลยเลี่ยงๆ ตอบไปว่า
เค้าไม่ได้ให้คนโตเข้านี่คะ... ไม่งั้นจะทำรูเล็กนิดเดียวทำใม เกิดแม่คลานไป
มีหวังกระจกตรงนั้นแตกพอดี เพราะแม่ตัวหนัก...  

เออ รอดตัวไป อย่างผู้มีเกียรติ  ... อิอิ









แม่จ๋า หนูขอไปมุมนั้นก่อนนะ... แล้วนางก็หายไป ราวๆ ครึ่ง ชม.  ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดๆ  ที่ดังกว่าชาวบ้าน...
ไม่ต้องสงสัยว่าลูกใครค่ะ...  เพราะกลับมานางมาเล่าอีกว่า
ไอ้สไลเด้ออันนั้น มันสูงที่สุดเท่าที่หนูจะเคยสไลด์ลงมาเลยค่ะแม่...
แต่หนูไม่แน่ใจ หนูเลยขึ้นไปใหม่ อีก หลายรอบ... เออ จัดไป...

เสร็จแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปขึ้นบินกับยานอวกาศด้วยระบบจำลองเสมือนจริงแหละคะ
และรีบกลับออกไปต่อที่โซนอื่น... (มีคิวดูปล่อยกระสวยอวกาศตั้งนั่ง บัสต่อจากตรงนี้ไปแท่นติดทะเล... ต้องตรงเวลา)







เล่นจนกระเซิงไปหมด บ่งบอกความสนุกสนานค่ะ วันนั้น...

รีบออกไปดู 3D ของยานอวกาศของรายการถัดไปค่ะ....

ขอบคุณ แอตแลนติส.... ประทับใจที่สุด สมกับคำล่ำลือ...