วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องอีสุกอีใส (Chicken Pox) กับคนไกลบ้าน....





  เรื่องของเรื่องคือ ป้าลียังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนในชีวิต  คิดไว้ก็หลายครั้งว่าจะต้องไปฉีควัคซีน แต่แล้วก็ไม่ได้ทำซะที จนกระทั่งวันหนึ่ง 

  เรื่องมันก็เกิด เมื่อลูกชายของสามีต้องมาพักที่บ้าน 
ที่จริงแม่ของเค้าก็บอกว่ามีไข้นะ... เราก็เออๆ ไม่เป็นไร เพราะเด็กมีไข้ก็เป็นเรื่องปกติ  พอเจอหน้าปุ๊บ ตุ่มแดงๆ ขึ้นเต็มหน้าเลย... โอ้ตายแล้วนี่มันไม่ใช่ไข้ธรรมดานะเท๊ออออ มันคืออีสุกอีใส โห้...

  ปัญหามันก็คือว่า ก่อนหน้านี้ ป้าลีมีปัญหาทางด้านผิวหนัง ที่เกิดอะไรมันก็จะเป็นแผลเป็นอยู่แบบนั้นนานเป็นครึ่งค่อนปี แม้กระทั่งแค่ยุงกัน แล้วเป็นแผลดำๆ ตามตัว ... ถ้าคนไม่แพ้และไม่เคยเกิดกับตัว ก็จะไม่เข้าใจว่ามันลำบากแค่ใหนเวลาที่เป็นแผลเป็นแล้วมันไม่หาย เป็นจุดดำๆ ตามตัวเป็นรอยๆ แล้วต้องอยู่แบบนั้นตลอดไปน่ะ... 

   เดือดร้อนต้องโทรหาหมอเลยทีนี้...และนี่เลยปัญหา...

   ที่ฟินแลนด์กว่าจะนัดหมอได้ ต้องรอคิวกันนานมาก ถ้างั้นก็ต้องไปเอกชน(ราคาไม่ต้องพูดถึง)... 


ก็ลองติดต่อไปศูนย์ดูแลสุขภาพว่ามีหมอท่านใหนจะ
ว่างตรวจให้มั๊ย  ถือว่าโชคดีมากได้คิวมาหนึ่งท่าน 
    ก็คุยกันกับหมอ และเค้าก็ซักถามเพื่อให้แน่ใจว่า เราไม่เคยมีอีสุกอีใสมาก่อน(ถ้าเคยก็ไม่ต้องฉีดเป็นอันรู้กัน)  และเราไม่ตั้งท้องแต่อย่างใด... ไม้งั้นก็ฉีดไม่ได้อีก
ผ่านขึ้นตอนหมอ... ก็เอาใบอนุญาติให้ซื้อวัคซีนไปที่ร้านขายยา... ได้มาสองกล่อง(กับสามี)

ก็มาถึงขึ้นตอนพยาบาล... ต้องขอนัดเวลาฉีดยาอีก... รอประมาณ สามชั่วโมงถ้าจะเอาคิววันนั้น...ไม่งั้นต้องมาใหม่วันหลัง.... เออ ใหนๆก็มาแล้วก็ต้องรอ... ไปทานข้าวก่อนก็ได้..

กลับมานั่งรอที่หน้าห้องพยาบาล... ฉีดวัคซีนเสร็จ ก็ต้องนัดครั้งที่สองอีกเพราะฉีดครั้งแรกแค่ฉีดกระตุ้น... ครั้งที่สองให้ห่างกันขึ้นต่ำหกสัปดาห์(มีเขียนไว้ในกล่องวัคซีนด้วย)

สรุปค่าใช้จ่ายคือ... ค่าหมอที่เขียนใบสั่งยา 54 ยูโร ต่อคน                           ค่าวัคซีน  80 ยูโรต่อกล่อง                          ค่าพยาบาลฉีดวัคซีนให้  24 ยูโรต่อคน (รวมแล้ว 13,xxxกว่าบาทในการฉีดเข็มแรก) 

ไปสองคนเพราะสามีก็ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสเช่นกัน....
ก็เลยต้องจ่ายสองคน..(ใครเบิกได้กับประกันสุขภาพบริษัทก็เบิกได้แค่นิดหน่อยนะคะ  เพราะว่า วัคซีนรายการนี้ไม่ถือเป็นการรักษา)

กลับบ้านมาโกรธนิดๆ เพราะต้องล้างบ้าน  ซักผ้าทุกชิ้น และข้าวของทุกอย่าง กันเลยทีเดียว..

ที่ป้าลีโกรธก็เพราะอันที่จริง ถ้าลูกเป็นไข้อีสุกอีใส หรือแม้แต่เป็นหวัดก็เถอะ ต้องให้ลูกอยู่ที่บ้าน ไม่งั้นจะไปปล่อยเชื้อกับคนอื่นอีก... 
ที่นี้ระหว่างนั้นก็ได้กลับเมืองไทย...ก็เลยไปฉีดวัคซีนเข็มที่สองที่บ้าน (บ้านป้าลีอยู่เขาใหญ่)

ต้องไปตามหานิดหน่อยว่าคลีนิคใหนที่เค้ามีวัคซีนอยู่แล้ว (เพราะวัคซีนนี้เค้าจะไม่เก็บ มีคนไข้มาสั่งหมอถึงจะสั่งนำมาเตรียมไว้ให้คนไข้)


คลีนิคแรก... มีติดตู้เย็นเหลือเข็มสุดท้าย....
ป้าลีก็ฉีดไป... 1,100บาท ค่าวัคซีนและค่าพยาบาลที่ฉีดให้
เดินไปอีกหนึ่งคลีนิค ให้สามีฉีดเข็มที่สอง...  900บาท.. ถูกกว่ากันสองร้อย... เออนะ... 

กลับมาถึงบ้าน...รู้สึกว่า ทำใมต้องไปจ่ายเป็นหมื่นๆ ที่ฟินแลนด์ทั้งๆ ที่ก็คิดตั้งนานแล้วว่าควรจะฉีดวีคซีนในตอนที่กลับไทย... ก็ละเลยทุกทีไป มีแต่เที่ยว....สมน้ำหน้าตัวเองเลยทีนี้... (สามร้อยกว่ายูโรนั่งเครื่องไปเยอรมันหรือไปใหนก็ได้ในยุโรป ได้ตั้งหนึ่งทริปแน่ะ)

ก็ฝากถึงใครหลายคนที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสนะคะ ว่าเวลากลับไทย ขอให้ไปทำการฉีดซะ เพราะเราไม่รู้ว่า มันจะไปติดเชื้อเอาวันใหน... แล้วอีสุกอีใสสำหรับคนที่แพ้แบบป้าลีนะ มันจะเป็นแผลเป็นน่าเกลียดมากนะเออ

เรื่องทำฟันก็อีก... กลับไทยทีไรก็ต้องทำฟันกันทุกทีเพราะว่า ค่าทำฟันที่เมืองนอกแพงมาก..แพงอย่างโหดกันเลยทีเดียว... แถมเบิกไม่ได้อีกนะเรื่องทำฟันเนี่ย..... ขูดหินปูนบ้านเราไม่กี่ร้อย ที่เมืองนอกไม่อยากจะเข้าใกล้หมอกันเลยทีเดียว...

ติดตามเรื่องราวหลากหลายในประเทศน้ำแข็งได้ที่นี่นะคะ 

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=leejayfinland&date=27-11-2013&group=18&gblog=13

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น