เรื่องใบขับขี่ในฟินแลนด์ (ภาคสอง)
ต่อจากภาคแรกค่ะ เพราะความยาวอักษรเกิน 50,000 ตัวอักษร
หรือ บางที่ จอดฟรีไม่เกิน สองชั่วโมง เช่น ร้านเยอรมัน หรือ ลิดเดิล หรือ ห้างอื่นๆ อันนี้ก็ต้องใช้บัตรเวลาเช่นกัน ถ้าลืม เจอปรับอีกค่ะ หนักเช่นกัน
การ ขับในเฮลซิงกิ คือ ห้ามขับตรง ทางรถเมล์นะคะ จะเขียนว่า Bus ตางถนน คือเราห้ามเข้า ไม่งั้นจอดกล้องถ่ายรูปที่มีอยู่ทุกมุมเมือง หรือตามถนนในป่านอกเมือง กล้องก็ยังใช้งานได้ดีนะคะจะบอกให้

(การขับในเมืองเฮลซิงกิ จำกัดความเร็วที่ 40 - 50 เท่านั้นค่ะ หลายโซน ที่ 30 ดังนั้นตาเร็วและมองป้ายจำกัดความเร็วให้ดีๆ ค่ะ)
และการขับในเมืองใหญ่ ปัญหาอีกอย่างคือ จะมีเลน รถราง หรือ รถแทรม ตรงกลางแบบนี้อีกด้วย เวลาจะเลี้ยวข้ามเลน ลำบากมากๆ

สุดท้าย ใน เมืองนอกทุกประเทศ ให้ความสำคัญกับถนนคนเดิน ทางจักรยาน ทางม้าลาย สุดๆ นะคะ เน้นว่าสุดๆ สำคัญเท่าการรักษาชีวิตกันเลยทีเดียว ดังนั้นต้องระวังมากๆ ตาต้องเร็ว ถ้าทางคนข้าม แล้วมีคนหรือจักรยาน ต้องหยุดให้เค้าไปก่อน เท่านั้น (บ้านเรา คนจะหยุดให้รถไปก่อน ทางพฤตินัยค่ะ ถ้าตามกฏแล้ว บ้านเราก็หยุดให้คนข้ามเช่นกัน แต่ไม่มีใครปฏิบัติเท่าไหร่)
กรณี ขับรถชนคน บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทุกประเทศในเมืองนอก ถือเป็นเคสรุนแรงเหมือนการฆาตกรรมนะคะ ติดคุกตลอดชีพได้ แม้จะเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ เพราะถือว่า เป็นการฆ่าผู้อื่นให้สูญเสียแก่ชีวิต และยิ่งดื่มแล้วขับ ไม่ต้องพูดถึงโทษนะคะ เป็นอันรู้กัน(ถ้าประหารชีวิตได้ คงทำกันไปแล้วสำหรับคนเมาแล้วขับและเกิดอุบัติเหตุ ดื่มแค่เบียร์แก้วเดียวก็คือดื่มค่ะ และตำรวจเป่าตรวจบ่อยมากๆ ตรวจทุกที่ แม้กระทั่งขับในป่ารอบเมืองก็เถอะ ป้าลีเจอเป่ามาแล้ว เป่ากันเช้า วันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ นี่ก็บ่อยค่ะ อย่าคิดว่าจะรอด เพราะเค้าทำงานกันจริงๆ ไม่มีใต้โต๊ะอีกด้วยค่ะ เห็นกันจะๆ ลงโทษกันเน้นๆ ค่ะ สำหรับที่นี่ ที่เรียกว่า ยุโรป)
ใน อังกฤษ บังเอิญว่า ป้าลีไปทริปลอนดอน นั่งทานอาหารเช้าในโรงแรม พอดีในทีวี เค้าถ่ายรายการทอร์คโชว์เรื่องการขับรถชนคน และการดื่มแล้วขับ เค้าทอร์คโชว์เรื่องการให้โทษ ที่หนักเหมือนการฆาตกรรม อย่างที่ป้าลีเล่านี้เช่นกันค่ะ ป้าลีเห็นแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยนะคะขอข้ามเรื่องการหาซื้อรถไปเพจหน้านะจ๊ะ ตอนนี้พิมพ์มือหงิกแล้ว...ถ้ามีตกหล่น ป้าลีเสริมทีหลังเพจหน้าเช่นกันจ้า....
หรือ บางที่ จอดฟรีไม่เกิน สองชั่วโมง เช่น ร้านเยอรมัน หรือ ลิดเดิล หรือ ห้างอื่นๆ อันนี้ก็ต้องใช้บัตรเวลาเช่นกัน ถ้าลืม เจอปรับอีกค่ะ หนักเช่นกัน
การ ขับในเฮลซิงกิ คือ ห้ามขับตรง ทางรถเมล์นะคะ จะเขียนว่า Bus ตางถนน คือเราห้ามเข้า ไม่งั้นจอดกล้องถ่ายรูปที่มีอยู่ทุกมุมเมือง หรือตามถนนในป่านอกเมือง กล้องก็ยังใช้งานได้ดีนะคะจะบอกให้
(การขับในเมืองเฮลซิงกิ จำกัดความเร็วที่ 40 - 50 เท่านั้นค่ะ หลายโซน ที่ 30 ดังนั้นตาเร็วและมองป้ายจำกัดความเร็วให้ดีๆ ค่ะ)
และการขับในเมืองใหญ่ ปัญหาอีกอย่างคือ จะมีเลน รถราง หรือ รถแทรม ตรงกลางแบบนี้อีกด้วย เวลาจะเลี้ยวข้ามเลน ลำบากมากๆ
สุดท้าย ใน เมืองนอกทุกประเทศ ให้ความสำคัญกับถนนคนเดิน ทางจักรยาน ทางม้าลาย สุดๆ นะคะ เน้นว่าสุดๆ สำคัญเท่าการรักษาชีวิตกันเลยทีเดียว ดังนั้นต้องระวังมากๆ ตาต้องเร็ว ถ้าทางคนข้าม แล้วมีคนหรือจักรยาน ต้องหยุดให้เค้าไปก่อน เท่านั้น (บ้านเรา คนจะหยุดให้รถไปก่อน ทางพฤตินัยค่ะ ถ้าตามกฏแล้ว บ้านเราก็หยุดให้คนข้ามเช่นกัน แต่ไม่มีใครปฏิบัติเท่าไหร่)
กรณี ขับรถชนคน บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทุกประเทศในเมืองนอก ถือเป็นเคสรุนแรงเหมือนการฆาตกรรมนะคะ ติดคุกตลอดชีพได้ แม้จะเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ เพราะถือว่า เป็นการฆ่าผู้อื่นให้สูญเสียแก่ชีวิต และยิ่งดื่มแล้วขับ ไม่ต้องพูดถึงโทษนะคะ เป็นอันรู้กัน(ถ้าประหารชีวิตได้ คงทำกันไปแล้วสำหรับคนเมาแล้วขับและเกิดอุบัติเหตุ ดื่มแค่เบียร์แก้วเดียวก็คือดื่มค่ะ และตำรวจเป่าตรวจบ่อยมากๆ ตรวจทุกที่ แม้กระทั่งขับในป่ารอบเมืองก็เถอะ ป้าลีเจอเป่ามาแล้ว เป่ากันเช้า วันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ นี่ก็บ่อยค่ะ อย่าคิดว่าจะรอด เพราะเค้าทำงานกันจริงๆ ไม่มีใต้โต๊ะอีกด้วยค่ะ เห็นกันจะๆ ลงโทษกันเน้นๆ ค่ะ สำหรับที่นี่ ที่เรียกว่า ยุโรป)
ใน อังกฤษ บังเอิญว่า ป้าลีไปทริปลอนดอน นั่งทานอาหารเช้าในโรงแรม พอดีในทีวี เค้าถ่ายรายการทอร์คโชว์เรื่องการขับรถชนคน และการดื่มแล้วขับ เค้าทอร์คโชว์เรื่องการให้โทษ ที่หนักเหมือนการฆาตกรรม อย่างที่ป้าลีเล่านี้เช่นกันค่ะ ป้าลีเห็นแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยนะคะขอข้ามเรื่องการหาซื้อรถไปเพจหน้านะจ๊ะ ตอนนี้พิมพ์มือหงิกแล้ว...ถ้ามีตกหล่น ป้าลีเสริมทีหลังเพจหน้าเช่นกันจ้า....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น